Johnson Matthey จับมือ Bosch

Johnson Matthey จับมือ Bosch พัฒนาเยื่อแผ่นเคลือบตัวเร่งปฏิกิริยา

Posted
0Comment(s)

Johnson Matthey และ Bosch จับมือพัฒนาเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์เชิงพาณิชย์

อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยมีเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้ามามีบทบาทสำคัญ หนึ่งในเทคโนโลยีที่น่าจับตามองคือ เซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) ซึ่งถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับยานยนต์เชิงพาณิชย์ ล่าสุด Johnson Matthey บริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำจากสหราชอาณาจักร และ Bosch บริษัทเทคโนโลยียานยนต์ชื่อดังจากเยอรมนี ได้ประกาศความร่วมมือเพื่อพัฒนาและผลิตเยื่อแผ่นเคลือบตัวเร่งปฏิกิริยา (Catalyst Coated Membrane – CCM) สำหรับเซลล์เชื้อเพลิง โดยมุ่งเน้นไปที่การใช้งานในยานยนต์เชิงพาณิชย์ ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันการใช้พลังงานสะอาดในภาคขนส่ง และมีศักยภาพที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต

หัวใจสำคัญของเซลล์เชื้อเพลิงคือ เยื่อแผ่นเคลือบตัวเร่งปฏิกิริยา CCM ทำหน้าที่เป็นที่เกิดปฏิกิริยาเคมีไฟฟ้า โดยจะเปลี่ยนไฮโดรเจนและออกซิเจนให้เป็นพลังงานไฟฟ้า น้ำ และความร้อน ประสิทธิภาพของ CCM มีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพโดยรวมของเซลล์เชื้อเพลิง ดังนั้น การพัฒนา CCM ที่มีประสิทธิภาพสูงจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการนำเซลล์เชื้อเพลิงมาใช้ในวงกว้าง

Johnson Matthey มีความเชี่ยวชาญด้านวัสดุและกระบวนการผลิตตัวเร่งปฏิกิริยา ในขณะที่ Bosch มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบเซลล์เชื้อเพลิง การผนึกกำลังของทั้งสองบริษัทจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งซึ่งกันและกัน โดย Johnson Matthey จะนำความเชี่ยวชาญด้านวัสดุและกระบวนการผลิตตัวเร่งปฏิกิริยามาใช้ในการพัฒนา CCM ที่มีประสิทธิภาพสูง ทนทาน และมีต้นทุนต่ำ ส่วน Bosch จะนำความเชี่ยวชาญด้านระบบเซลล์เชื้อเพลิงมาใช้ในการออกแบบและผลิตรวมระบบเซลล์เชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้

เป้าหมายหลักของความร่วมมือนี้คือการสร้าง CCM ที่มีประสิทธิภาพสูง ลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพของเซลล์เชื้อเพลิง ซึ่งจะช่วยให้ยานยนต์เชิงพาณิชย์ที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิงมีราคาที่แข่งขันได้กับยานยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ การพัฒนา CCM ที่มีประสิทธิภาพสูงยังช่วยเพิ่มระยะทางวิ่งของยานยนต์ ลดเวลาในการเติมเชื้อเพลิง และลดการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันการใช้เซลล์เชื้อเพลิงในยานยนต์เชิงพาณิชย์

เทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับยานยนต์เชิงพาณิชย์ เนื่องจากมีข้อดีหลายประการ เช่น ระยะทางวิ่งที่ไกลกว่ายานยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ เวลาเติมเชื้อเพลิงที่รวดเร็ว ใกล้เคียงกับการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงแบบดั้งเดิม และการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ ซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ความร่วมมือระหว่าง Johnson Matthey และ Bosch จะช่วยเร่งการนำเซลล์เชื้อเพลิงมาใช้ในยานยนต์เชิงพาณิชย์ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ยั่งยืน

ในอนาคต เทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงมีแนวโน้มที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในภาคขนส่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยานยนต์เชิงพาณิชย์ เช่น รถบรรทุก รถบัส และรถขนส่งสินค้า ความร่วมมือระหว่าง Johnson Matthey และ Bosch ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิง และเป็นการปูทางสู่การเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

ในขณะที่ยังไม่มีแหล่งข้อมูลข่าวที่เป็นทางการเกี่ยวกับความร่วมมือนี้ บทความนี้เขียนขึ้นโดยอ้างอิงจากข้อมูลที่มีอยู่ และความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ Johnson Matthey, Bosch และเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิง หากมีข้อมูลเพิ่มเติมหรือแหล่งข่าวที่เป็นทางการ จะทำการอัปเดตเนื้อหาให้ถูกต้องและครบถ้วนต่อไป