Amazon ผุดกองทัพรถไฟฟ้าขนส่งสินค้า
Amazon มุ่งสู่การขนส่งสีเขียว: กองทัพรถยนต์ไฟฟ้าเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
การเปลี่ยนแปลงสู่การขนส่งที่ยั่งยืนกำลังเร่งตัวขึ้นทั่วโลก และ Amazon ผู้นำด้านการค้าปลีกและโลจิสติกส์ระดับโลก กำลังแสดงบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนี้ ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นการลดการปล่อยคาร์บอนและสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ Amazon กำลังลงทุนอย่างมหาศาลในการเปลี่ยนกองทัพรถขนส่งของตนให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมของบริษัทเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงผลักดันสำคัญให้กับอุตสาหกรรมการขนส่งโดยรวม กระตุ้นการพัฒนาและการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า ลดมลพิษ และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน Amazon มีรถตู้ไฟฟ้าให้บริการในยุโรปมากกว่า 3,000 คัน และตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนเป็น 10,000 คันภายในปี 2025 นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ ล่าสุด Amazon ได้ประกาศคำสั่งซื้อรถบรรทุกไฟฟ้า EActros 600 จาก Mercedes-Benz จำนวน 200 คัน ซึ่งถือเป็นคำสั่งซื้อรถบรรทุกไฟฟ้าครั้งใหญ่ที่สุดของ Mercedes-Benz สะท้อนให้เห็นถึงความจริงจังของ Amazon ในการลงทุนเพื่ออนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
EActros 600 เป็นรถบรรทุกไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อการขนส่งระยะไกล ด้วยระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ทำให้เหมาะสมกับการใช้งานในเครือข่ายโลจิสติกส์ที่กว้างขวางของ Amazon การใช้รถบรรทุกไฟฟ้าเช่น EActros 600 จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และมลพิษทางอากาศอื่นๆ ส่งผลดีต่อคุณภาพอากาศและสุขภาพของประชาชน นอกจากนี้ การลดเสียงรบกวนจากเครื่องยนต์ของรถบรรทุกไฟฟ้ายังช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตในเมืองและชุมชนต่างๆ อีกด้วย
การลงทุนของ Amazon ในรถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่รถตู้และรถบรรทุก บริษัทยังได้ร่วมมือกับ Rivian บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ในการพัฒนารถตู้ขนส่งไฟฟ้าแบบกำหนดเอง ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของ Amazon โดยตั้งเป้าหมายที่จะมีรถตู้ขนส่งไฟฟ้า Rivian จำนวน 100,000 คัน บนท้องถนนภายในปี 2030
ความมุ่งมั่นของ Amazon ในการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งของพันธสัญญา Climate Pledge ซึ่งบริษัทได้ให้คำมั่นที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2040 เป้าหมายนี้ครอบคลุมทุกด้านของการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่การขนส่งและโลจิสติกส์ ไปจนถึงการใช้พลังงานหมุนเวียนในศูนย์ข้อมูลและคลังสินค้า
การเปลี่ยนแปลงของ Amazon ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมการขนส่งโดยรวม ผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ กำลังเร่งพัฒนายานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น ขณะที่รัฐบาลหลายประเทศก็กำลังสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าด้วยนโยบายและมาตรการต่างๆ เช่น การให้เงินอุดหนุน การลดหย่อนภาษี และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชาร์จไฟฟ้า
ในอนาคต เราคาดว่าจะได้เห็นรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทสำคัญในระบบการขนส่งมากยิ่งขึ้น โดยมี Amazon เป็นหนึ่งในผู้นำที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนี้ การลงทุนอย่างต่อเนื่องในเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร จะช่วยปูทางสู่อนาคตที่ยั่งยืน ลดการปล่อยมลพิษ และสร้างโลกที่สะอาดขึ้นสำหรับคนรุ่นต่อไป