ตลาดรถจีนเดือด ลดราคากว่า

ตลาดรถจีนเดือด ลดราคากว่า 227 รุ่น

Posted
0Comment(s)

สงครามราคาเดือดในตลาดรถยนต์จีน: โอกาสทองของผู้บริโภค หรือหายนะของผู้ผลิต?

ตลาดรถยนต์จีน ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังเผชิญกับสงครามราคาระหว่างผู้ผลิตรถยนต์ที่ดุเดือดที่สุดในรอบหลายปี จากข้อมูลของเลขาธิการสมาคมผู้ผลิตรถยนต์จีน (CPCA) พบว่าในปี 2024 มีรถยนต์กว่า 227 รุ่นที่ประกาศลดราคา เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 148 รุ่นในปี 2023 และ 95 รุ่นในปี 2022 การลดราคาที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วนี้นำมาซึ่งคำถามสำคัญว่า ใครคือผู้ชนะและผู้แพ้ในสงครามราคานี้? และอนาคตของอุตสาหกรรมรถยนต์จีนจะเป็นอย่างไร?

ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เกิดสงครามราคามีหลายประการ เริ่มจากกำลังการผลิตส่วนเกิน การขยายตัวของโรงงานผลิตรถยนต์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้กำลังการผลิตรถยนต์ในจีนสูงกว่าความต้องการของตลาด ส่งผลให้ผู้ผลิตต้องแข่งขันกันลดราคาเพื่อระบายสินค้าคงคลัง นอกจากนี้ การแข่งขันที่รุนแรงระหว่างแบรนด์รถยนต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยิ่งเป็นตัวเร่งให้สงครามราคารุนแรงขึ้น แบรนด์ต่างชาติหลายรายต่างพยายามแย่งส่วนแบ่งตลาดในจีน ขณะที่แบรนด์จีนเองก็ต้องพยายามรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ ทำให้การแข่งขันด้านราคากลายเป็นกลยุทธ์สำคัญ

อีกปัจจัยหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือ ความต้องการรถยนต์ที่ลดลงหลังจากรัฐบาลจีนยกเลิกนโยบายสนับสนุนรถยนต์พลังงานใหม่ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า ก่อนหน้านี้ นโยบายสนับสนุนต่างๆ เช่น เงินอุดหนุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษี ช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในจีนอย่างมาก แต่เมื่อนโยบายเหล่านี้ถูกยกเลิก ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าก็ลดลง ส่งผลให้ผู้ผลิตต้องลดราคาเพื่อดึงดูดลูกค้า ยิ่งไปกว่านั้น การที่ผู้เล่นรายใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ยิ่งทำให้การแข่งขันรุนแรงขึ้น และเป็นอีกปัจจัยที่กดดันให้เกิดสงครามราคา

สำหรับผู้บริโภค สงครามราคานี้ถือเป็นโอกาสทองที่จะได้ซื้อรถยนต์ในราคาที่ถูกลง อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ผลิต โดยเฉพาะรายเล็กที่สายป่านสั้น สงครามราคานี้ถือเป็นความท้าทายอย่างมาก ผู้ผลิตเหล่านี้อาจต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านกำไร และอาจถึงขั้นต้องปิดกิจการหากไม่สามารถปรับตัวได้ทัน ในขณะที่ผู้ผลิตรายใหญ่ที่มีทรัพยากรมากกว่า อาจใช้โอกาสนี้ในการขยายส่วนแบ่งตลาด และกำจัดคู่แข่งรายเล็กออกไป

ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าแนวโน้มการลดราคาในตลาดรถยนต์จีนจะยังคงดำเนินต่อไปจนถึงปี 2025 และอาจนำไปสู่การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมรถยนต์จีนในระยะยาว ผู้ผลิตรายเล็กอาจถูกบีบให้ต้องควบรวมกิจการหรือออกจากตลาด ส่วนผู้ผลิตรายใหญ่ที่มีความแข็งแกร่งทางการเงินและเทคโนโลยี จะสามารถอยู่รอดและเติบโตได้ในสภาพแวดล้อมการแข่งขันที่ดุเดือดนี้

สำหรับผู้ที่สนใจสัมผัสประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าก่อนตัดสินใจซื้อ การเช่ารถไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ การเช่ารถไฟฟ้ารายวันช่วยให้ผู้บริโภคได้ทดลองขับ ทำความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีใหม่ และเปรียบเทียบรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่างๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในช่วงที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและมีตัวเลือกมากมาย

ที่มา: CnEVPost (อ้างอิงจาก https://www.instagram.com/p/DGCZBo7on2K/)